
|
ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ (
Biological Diversity ) มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ด้วยขนาดพื้นที่ของประเทศประมาณ 513,115 ตารางกิโลเมตร
แต่มีความอุดมหลากหลายไปด้วยพืชพรรณต่างๆ และสัตว์ป่านานาชนิด
ความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย
จะเป็นรองแค่ประเทศอินโดนีเซียและประเทศบลาซิล
ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่กว่าหลายเท่าตัว
ทั้งนี้เนื่องจากแหล่งที่ตั้งของประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน
ตั้งอยู่บนคาบสมุทรบริเวณที่เป็นกึ่งกลางของภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และขอบเขตภูมิศาสตร์สำคัญของโลกคือ
อินโด-มาลายัน ( Indo-Malayan Realm )
เป็นผลให้ประเทศไทยเป็นแหล่งรวมของเขตการกระจายพันธุ์ของพรรณพืชถึง 3
เขต คือ อินโด-เบอร์มา ( Indo-Burma ) อันนามีติค ( Annametic )
และมาเลเซีย( Malesia ) และเขตการกระจายพันธุ์สัตว์ 3 เขตเช่นกันคือ
แบบไซโน-หิมาลายัน ( Sino-Himalayan ) อินโด-ไชนิส ( Indo-Chinese )
และแบบซุนดา ( Sundiac )
สถานการที่คุกคามความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าไทย
ก่อให้เกิดการวิตกตื่นตัวที่จะหามาตรการในการจัดการและอนุรักษ์สัตว์ป่าและอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งต่อชีวิตสัตว์ป่าและการอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
เมื่อครั้งยังคงดำรงพระยศสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ได้ทรงลงนามในพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 เมื่อวันที่ 26
ธันวาคม 2503
ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการอนุรักษ์และให้ความคุ้มครองต่อสัตว์และป่าอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างยั่งยืน
โดยการกำหนดและประกาศให้พื้นที่ป่ามีความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์สมบูรณ์เหมาะแก่การอนุรักษ์ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
ซึ่งในปี 2538 ได้มีการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั่วประเทศรวมแล้ว
37 แห่ง เนื้อที่รวมกัน 17,927,395 ไร่
รวมทั้งการประกาศให้สัตว์ป่าชนิดที่ถูกคุกคามต่อสถานภาพให้เป็นสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง
เพื่อให้ความคุ้มครองต่อชีวิตสัตว์ป่าที่อยู่นอกพื้นที่คุ้มครองตามกฎหมายได้ด้วย |
สัตว์ป่าสงวน
หมายถึง สัตว์ป่าที่หายาก
กำหนดตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 จำนวน 9
ชนิด เป็นสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด ได้แก่ แรด กระซู่ กูปรี ควายป่า
ละองหรือละมั่ง สมัน เนื้อทราย เลียงผา และกางผา สัตว์ป่าสงวนเหล่านี้หายาก
หรือใกล้จะสูญพันธุ์หรืออาจจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
จึงจำเป็นต้องมีบทบัญญัติเข้มงวดกวดขัน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่หรือซากสัตว์ป่า
ซึ่งอาจจะตกไปอยู่ยังต่างประเทศด้วยการซื้อขาย ต่อมาเมื่อสถานการณ์ของสัตว์ป่าในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป
สัตว์ป่าหลายชนิดมีแนวโน้มถูกคุกคามเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น
ประกอบกับเพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศในการ
ควบคุมดูแลการค้าหรือการลักลอบค้าสัตว์ป่าในรูปแบบต่างๆ
ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศว่าด้วยชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าหรือ
CITES ซึ่งประเทศไทยได้ร่วมลงนามรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ. 2518
และได้ให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2526 นับเป็นสมาชิกลำดับที่ 80
จึงได้มีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุง
พระราชบัญญัติฉบับเดิมและตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
ขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2535
สัตว์ป่าสงวนตามในพระราชบัญญัติฉบับใหม่
หมายถึงสัตว์ป่าที่หายากตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัติฉบับนี้และตามที่กำหนดโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงชนิดสัตว์ป่าสงวนได้โดยสะดวกโดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแก้ไขหรือเพิ่มเติมเท่านั้น
ไม่ต้องถึงกับต้องแก้ไขพระราชบัญญัติอย่างของเดิม
ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มเติมชนิดสัตว์ป่าที่มีสภาพล่อแหลมต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง
7 ชนิด และตัดสัตว์ป่าที่ไม่อยู่ในสถานะใกล้จะสูญพันธุ์
เนื่องจากการที่สามารถเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ได้มาก 1 ชนิด คือ เนื้อทราย
รวมกับสัตว์ป่าสงวนเดิม 8 ชนิด รวมเป็น 15 ชนิด ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
แรด กระซู่ กูปรี ควายป่า ละองหรือละมั่ง สมัน เลียงผา กวางผา
นกแต้วแล้วท้องดำ นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมเสร็จ เก้งหม้อ และพะยูน (อ่านรายละเอียดของพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. 2535)
 |
 |
 |
 |
 |
นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร |
แรด |
กระซู่ |
กูปรี |
ควายป่า |
 |
 |
 |
 |
 |
ละองหรือละมั่ง |
สมัน |
นกแต้วแล้วท้องดำ |
กวางผา |
เลียงผา |
 |
 |
 |
 |
 |
นกกะเรียน |
เก้งหม้อ |
สมเสร็จ |
แมวลายหินอ่อน |
พะยูน |
สลดใจหรือไม่ครับ ..
เราได้รู้จักพวกเขาแค่เพียงภาพวาด !!

|