ความตายคืบคลานมาอย่างเชื่องช้า...ศาสตร์มืดเข้าสู่ความวิบัติแล้ว เมื่อจอมมารต้องตายด้วยความหวาดกลัวของตัวเอง ตายด้วยตนเอง เพราะความกลัวในจิตใจของตนเอง
อัตชีวประวัติ >>

ก่อนจะมี Harry Potter ก่อนจะมีวรรณกรรม ก่อนจะมีภาพยนตร์ ก่อนจะมีเงินเป็นล้าน และล้านปอนด์ มีเด็กหญิงตัวน้อยที่ชอบเล่นเป็นแม่มด และผู้วิเศษ ระหว่างช่วงหน้าร้อนที่น่านอน ในเมือง Winterbourne ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งจาก Bristol, Joanne Rowling หนูน้อยอายุ 6 ขวบ เธอเป็นคนแรกที่ได้เผชิญหน้ากับพ่อมดที่ชื่อ Potter เธอเล่นเกมที่ชื่อว่า Let’s Pretend อยู่บริเวณสวนหน้าบ้านหมายเลข 35 ซอย Nicholls บ้านทำด้วยอิฐสีเทา มี 3ห้องนอน เจ้าของคือ Pete และ Anne Rowling ลูกสาวสองคนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ Joanne เป็นคนคิดเกมขึ้นมา เข้าไปค้นตู้เสื้อผ้าของแม่เพื่อหาเครื่องแต่งกาย หาไม้กวาดจากโรงเก็บรถของเพื่อนบ้าน เรียกเด็กข้างบ้านมาแต่งตัว เล่นด้วยกัน Joanne และน้องสาวของเธอ Dianne พร้อมกับเพื่อนบ้าน Vikk เป็นแม่มด และพ่อมดผู้โดดเดี่ยว Ian Potter อายุ 5 ขวบ 30ปีผ่านไปเขาก็ยังจำได้ " ผมเคยเอาเสื้อโค้ทตัวยาวของพ่อมาใส่ เพื่อจะได้ดูเหมือนพ่อมด ผมคิดว่ามันเหมือนกับการเสี่ยงโชคในกล่องเกม คล้ายกับ Harry "

ชีวิตของ J K Rowling เริ่มต้นขึ้น เมื่อมีคนแปลกหน้า 2 คน พบกันบนรถไฟเมื่อปี 1964 นายทหารหนุ่มวัย 18 Pete Rowling พบกับ Anne Volant เธออายุ 18 เช่นกัน บนรถไฟจากสถานี King’s Cross ใกล้กับกองบัญชาการ 45 Commando ใน Arbroath จากการแนะนำให้รู้จักกัน เพราะนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ทั่งคู่พูดคุยกันอย่างยาวนานและแอบขโมยจูบเสื้อโค้ทขนสัตว์ และเมื่อรถไฟมาถึง Scotland, Pete และ Anne ก็ตกลงใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพียงไม่กี่เดือน Anne ก็ตั้งท้องลูกคนแรก , Joanne คู่รักหนุ่มสาว จึงตัดสินใจเข้าพิธีแต่งงานวันที่ 14 มีนาคม 1965 ก่อนจะสร้างบ้านที่ Yate ห่างจาก Bristol ไป 10ไมล์ หลังจากนั้น 4 เดือน วันที่ 31 กรกฎาคม 1965 ลูกสาวคนแรกของพวกเขาก็คลอดที่โรงพยาบาล Cottage ย่านคนรวยแถบชานเมือง Chipping Sodbury ที่นี่คือสถานที่ ที่ครอบครัวของ Rowling อาศัยอยู่ ในขณะที่คุณพ่องเป็นวิศวกรฝึกงานอยู่ที่โรงงานแถบ Bristol มีคุณแม่คอยดู Joanne และน้องสาวของ Dianne เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1967 หนึ่งปีหลังจากนี้ครอบครัวก็ย้ายเข้าไปบ้านหลังใหญ่กว่าเดิมที่ Winterbourne และที่นี่เองที่ทำให้ Joanne ได้ค้นพบโลกแห่งเวทมนตร์ในหนังสือที่เธออ่าน และสร้างเรื่องราวผจญภัยของเธอเองในสนามหน้าบ้าน

ขณะอายุ 4 ขวบ เธอได้รู้จักกับหนังสือ โดยพ่อของเธอเองที่อ่านให้ลูกสาวของเขาฟังบนเตียงนอน หนังสือเกี่ยวกับการผจญภัยเรื่อง Toad of Toad Hall จาก The Wind in the Willows หนังสือกระจายทั่วไปตามห้องต่างๆในบ้าน แม้ว่าหนูน้อย Joanne จะสนใจหนังสือผจญภัย Famous Five เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมาภายหลังเธอยกย่องงานเขียนของ Richard Scarry ที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้เธอเขียนงานเขียนชิ้นแรกของเธอ "Rabbit" งานเขียนครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบ ในเวลานั้นเธอเรียนอยู่ที่ St Michael’s Church of England ใช้เวลาเดินจากบ้านแค่ 5 นาที ในปี 1974 พ่อและแม่ของเธอ ซื้อกระท่อมหินในเมือง Tutshill แถบชายแดนประเทศเวลล์ ใกล้กับป่า Forest of Dean และที่นี่ก็คือแผนผังป่าต้องห้ามในหนังสือ Harry Potter และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนท้องถิ่นภายหลัง Dennis Potter บ้านหลังงามในชนบท Church Cottage พื้นและฝาบ้านปูด้วยแผ่นหิน ที่เคยเล่ากันว่าพวกผีร้ายตัวน้อยขว้างปากันในสุสานของหมู่บ้าน รอบบ้านเต็มไปด้วยเพื่อนบ้าน และสถานที่ 2 พี่น้อง Rowling จะออกไปผจญภัย วันแรกของการไปโรงเรียน Tutshill Church of England ของหนูน้อย JK Rowling ในเดือนกันยายน 1974 ไม่ค่อยเป็นประสบความสำเร็จสักเท่าไรนัก เธอได้คะแนนเพียงครึ่งเดียวจากเต็ม 10 ในการทดสอบ ก็เลยทำให้เธอต้องไปอยู่ระดับสติปัญญาต่ำกว่าเพื่อนๆในห้อง แต่ด้วยความสามารถที่ติดตัวได้ฉายแสงออกมา เธอก็เลยได้เลื่อนระดับ เธอได้อธิบายไว้ว่า “ การเลื่อนระดับมันมีค่ามาก .... Mrs Morgan ให้ฉันแลกเปลี่ยนที่นั่งกับเพื่อนสนิท “ Mrs Sylvia Morgan เป็นครูที่เข้มงวดมาก และเป็นผู้หญิงน่ากลัว เธอมักจะทำให้ เด็กน้อย Joanne ตกใจ ท่าทางแบบนี้จึงไม่ค่อยได้เห็นกันนักสำหรับอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์ เมื่ออายุได้ 10 ขวบ Joanne กลายเป็นเด็กกระตือรือร้น หนอนหนังสือ และเป็นนักเรียนที่เอาจริงเอาจัง เธอจะยกมือด้วยความเร็วเป็นคนแรกในห้องเสมอ

เมื่อเธอย้ายเข้าโรงเรียนมัธยม Joanne ได้ติดตามคุณแม่ของเธอไปด้วย หลังจากที่แม่ต้องเลี้ยงดูลูกถึง 12 ปี Anne Rowling ได้รับตำแหน่งเจ้าหน้าที่เทคนิคในห้องแล็ป ที่ Wyedean Comprehensive ภายใต้การดูแลของ John Nettleship โรงเรียนแนวหน้าด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับ Nettleship เขายังจำ Joanne ที่เขาเคยสอนได้ เธอเป็นคนเฉลียวฉลาด แต่เงียบ และเขาก็คิดว่า เขาคือแรงบันดาลใจ ตัวละครศาสตราจารย์ สเนป “ผมคิดว่าวิชาเคมี อาจจะมีอิทธิพลกับเธอมากที่สุด เพราะว่าผมเคยสอนเธอเรื่อง ศิลาอาถรรพ์และ นักเล่นแร่แปลธาตุ เป็นไปได้ว่าเธอทราบเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ผมก็รวมมันไว้ในบทเรียน และอธิบายว่าเราจะเปลี่ยนสิ่งของเป็นทองได้อย่างไร “ เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเสริมขึ้นอีก “ดูเหมือนว่ามันจะเวิร์ค สำหรับเธอนะ จริงไหม” แม้ว่า Joanne จะเป็นเด็กฉลาด แต่เธอไม่ใช่คนที่กระตือรือร้นที่สุด ในตอนนี้ Nettleship ได้เกษียณออกมาแล้ว นึกย้อนหลัง “ทัศนคติของเธอต่อวิชาวิทยาศาสตร์ เหมือนกับความคิดของแฮร์รี่ที่มีต่อวิชาปรุงยา มากกว่าของเฮอร์ไมโอนี่ “

Anne Rowling ในช่วงเวลานี้ เธอมีความสุขมาก ที่มีบีกเกอร์และสิ่งเกี่ยวกับเคมีในห้องทดลองอยู่รอบๆตัวเธอ และการได้กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน “เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจริงๆ มีลักษณะปราดเปรียว และเป็นที่น่าเชื่อถือ สนใจในเรื่องคำ และเนื้อเรื่อง และสิ่งต่างๆในแบบที่เหมือนกันแม้ว่างานของเธอจะเกี่ยวกับด้านเทคนิค เธอยังเป็นคนที่มีจินตนาการมากๆ “Nettleship กล่าว การพบเจอกันกับเหล่าอันธพาล ทำให้ Joanne ใช้เวลาพัก เดินไปยังตึกวิทยาศาสตร์ เพื่อเก็บเงินสำหรับอาหารเย็น มากกว่าการต้องไปเผชิญหน้ากับบรรยากาศการขู่เข็ญในสนามเด็กเล่น เด็กผู้หญิงตัวใหญ่กว่าเธอในชั้นปีเดียวกัน หาเรื่องชกต่อยกับเธอ “ฉันไม่มีทางเลือก จะต่อยกลับไป หรือนอนลงแล้วแกล้งทำว่าตาย เพียงไม่กี่วัน ฉันก็มีชื่อเสียงพอสมควร เพราะเธอไม่สามารถจัดการล้มฉันได้ ความจริงก็คือ ล็อคเกอร์ของฉันอยู่ด้านหลังพอดี มันช่วยฉันไว้”

ในช่วงวัยรุ่น Rowling เธอนิยมการอ่านหนังสือ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่า The Lord of the Rings ของ JRR Tolkein จะมีอิทธิพลกับเธออย่างมาก แต่เธอก็ชอบ Jane Austen ด้วยเช่นกัน เจ้าของงาน Emma ที่เธออ่านมามากกว่า 20 ครั้ง บุคคลที่มีอิทธิพลต่อเธออีกคนก็คือ Jessica Mitford คนที่ Rowling ยอมรับว่าเธอคือวีรสตรีของเธอ และประวัติของ Hons กับ Rebels กลายเป็นบทอ่านที่มีความหมายสำคัญต่อ Rowling

แต่ในฐานะวัยรุ่นทั่วๆไป Rowling สนใจดนตรีป๊อบมากๆ ในช่วงต้นยุคปี 1980 เธอได้รับแรงดลใจมาจาก The Smiths และ Siouxsie Sioux ลักษณะท่าทางที่เธอทำตามมาหลายปี ในช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัย เธอยังใช้หวีเสียบไว้ด้านหลังผม และยังเขียนขอบตาสีดำหนา

ในช่วงเวลานี้ ครอบครัว Rowling มีความสุขและมีสถานะมั่นคง พ่อของเธอ , Pete ได้ทำงานเป็นผู้บริหารด้านวิศวกร ที่สาขา Rolls Royce และแม่ของเธอได้ทำงานที่เธอรัก แต่ว่าเรื่องราวต่างๆได้เปลี่ยนแปลงราวกับละคร เงามืดปกคลุมชีวิตของ Rowling และแยกครอบครัวที่สนิทสนมให้ห่างจากกัน

“ บ้านเป็นสถานที่ลำบากที่จะอยู่ “

อาการป่วยของ Anne Rowling แสดงออกมาครั้งแรกในปี 1978 เมื่อมือของเธอเริ่มสั่นเวลาที่เธอรินชา อาการของเธอจะเป็นเพียงแวบเดียว และจะหายเมื่อเธอสวมเสื้อกันหนาว แต่ในเวลา 2 ปีต่อมา อาการไม่สามารถควบคุมร่างกายเริ่มรุนแรงมากขึ้น เธอเริ่มบีบบีกเกอร์ในห้องทดลองแตก และทำลายข้าวของบ่อยมากขึ้นเวลาที่เธอหงุดหงิด ในวันที่อาการดี เธอก็สามารถเล่นกีตาร์ได้ แต่ว่าอาการไม่ค่อยดีของเธอก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น เมื่อ Joanne อายุ 15 ปี แม่ของเธอก็ได้รับการวินิฉัยว่าเป็นโรค Multiple Sclerosis (อาการแข็งตัวของเนื้อเยื่อ) สาเหตุของอาการป่วยมาจากการขาดโปรตีนที่บริเวณกระดูกสันหลัง ทำให้การส่งสัญญาณจากสมองเริ่มสับสน เป็นผลให้ไม่สามารถควบคุมแขนขาได้ Anne ต้องหัวใจแตกสลายเมื่อเธอต้องออกจากงานเจ้าหน้าที่แลป แต่เธอก็ทำให้ตัวเองวุ่นวายด้วยการเป็นอาสาสมัครทำความสะอาดโบสถ์ในท้องถิ่น Rowling ได้แค่เพียงมองแม่ของเธอยอมแพ้กับโรคร้าย โดยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ในบทความที่นักประพันธ์คนนี้ได้เขียนไว้ในสก็อตแลนด์เมื่อวันอาทิตย์ เธออธิบายว่า เมื่อถึงจุดหนึ่งแม่ของเธอคลานขึ้นไปชั้นบนอย่างไร อาการป่วยเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่ปี Anne Rowling เดินอย่างยากลำบากและต้องใช้รถเข็น

ความตกต่ำเริ่มเข้าครอบคลุม Church Cottage ทิ้งให้ Rowling รู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมพรางและเป็นทุกข์อย่างยิ่ง และวันหนึ่ง Sean Harris ย้ายมาเป็นนักเรียนที่ Wydean Comprehensive และกลายเป็นเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว ในปี 1982 เขานำรถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้ามาจอดหน้าบ้าน และพาเธอหนีออกมาจากความร้ายกาจใน Tutshill เพื่อไปดูคอนเสิร์ตและบาร์ที่ Bristol เขาสามารถจอดรถไว้ที่ Severn Bridge และทั้งคู่ก็ฝันถึงอนาคตที่ดีๆร่วมกัน รถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้าจึงอยู่เป็นอมตะในนิยายของ Rowling ในฐานะรถของครอบครัว รอน วีสลีย์ และเธอก็อธิบายถึงตัวเขา เป็นคำจารึกไว้ในหนังสือเล่มที่ 2 ว่า “คนขับรถบ้าระห่ำไปได้ในทุกสภาพอากาศ”

ความสำเร็จทางด้านการเรียนของ Joanne ทำให้เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานนักเรียนที่ Wydean และความทะเยอทะยานของเธอก็คือการเข้าเรียนภาษาที่ Oxford เกรด A ในวิชาภาษาอังกฤษ,ฝรั่งเศส และเยอรมัน ก็ดีพอที่เธอได้เข้าเรียน Oxbridge แต่เธอไม่รับข้อเสนอนี้ อาจารย์ของเธอประหลาดใจมากและเชื่อว่าเธอเป็นเหยื่อของความอคติไม่มีเหตุผล ความใฝ่ฝันที่จะเข้าเรียนใน Oxford ถูกแทนที่ด้วยห้องโถงหอพักอิฐสีแดง ที่มหาวิทยาลัย Exeter

อาจารย์ในมหาวิทยาลัยจำได้ว่า Rowling ดูประหม่าและไม่มันใจในตัวเอง แต่นักเรียนในกลุ่มเดียวกัน Yvette Cowles บอกกับ Sean Smith (ผู้เขียนประวัติของเธอ) ว่า ป๊อบปูลาร์และโดดเด่นมาก “เธอใส่กระโปรงยาว และเคยมีแจ็กเก็ตเดนิมที่เธอชอบใส่อยู่หนึ่งตัว Jo เป็นคนหุ่นดีมาก และมีผมหนา ดำและเงางาม และเขียนขอบตาหนา ฉันคิดว่าเธอค่อนข้างเป็นที่รู้จักในหมู่ชายหนุ่ม” ในปีแรกเธอลงทะเบียนเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศสและวรรณกรรมคลาสสิก แต่ทัศนคติต่อวิชานี้ ได้อธิบายไว้อย่างดีว่า งานน้อย สนุกมาก ทำให้เธอละทิ้งวิชาวรรณกรรมคลาสสิค หลังจากเธอไม่ไปสมัครสอบ ในปีที่ 3 เธอใช้เวลาไปกับการสอนในโรงเรียนที่ปารีส และเช่าห้องพักร่วมกันคนอิตาเลียน รัสเซียน และ สเปน เธอพบว่าชาวอิตาเลียนนั้นอารมณ์ร้ายกาจ เธอจึงหลีกเลี่ยงเขาด้วยการอ่านหนังสืออยู่ในห้องของเธอทั้งวัน ในเวลานั้นเธออ่านหนังสือ Tale of Two Cities ของ Charles Dickens วรรณกรรมที่อาจจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเธอที่จะฆ่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในท้ายเล่ม7 การตายของ Charles Darnay เป็นการสละชีวิตตัวเองเพื่อเพื่อนๆ และคำพูดสุดท้ายของเขา มีผลอย่างยิ่งต่อ Rowling: "มันเป็นสิ่งที่ดีมากเกินกว่าสิ่งที่ฉันได้เคยกระทำมา มันเป็นการพักผ่อนที่ดีเกินกว่าที่ฉันได้เคยรับรู้”

Anne Rowling นั่งรถเข็นมาร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของบุตรสาวในปี 1987 และมองเธอด้วยความภูมิใจเมื่อเธอได้รับรางวัล 2:2 ในวิชาภาษาฝรั่งเศส ในเวลาอีก 4 ปี ต่อมาที่เธอมองดูลูกสาวทำงานชั่วคราวหลากหลายอย่าง งานที่เธอทำรวมไปถึงงานด้านไปรษณีย์ที่ Amnesty International และ the Manchester Chamber of Commerce งานไปรษณีย์เป็นงานที่ทำเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่มีบันทึกทำไว้ว่าเธอทำงานนี้นานแค่ไหน ในตอนนี้เธอเริ่มเป็นนักเขียน เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการเขียนนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่ 2 เรื่อง แต่ว่าไม่ได้ตีพิมพ์ และค่อยๆพัฒนาความรักทางด้านดนตรีคลาสสิก ในขณะที่ Rowling ใช้ชีวิตหลายปีอย่างไร้จุดหมาย แต่ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของเธอก็เกิดขึ้น ในฤดูร้อนปี 1990 แฟนหนุ่มของเธอย้ายมาอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ และในวันที่เธอต้องเดินทางกลับไปยังลอนดอนโดยรถไฟ หลังจากที่ใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ตระเวนหาห้องเช่า ในช่วงเวลาการเดินทางที่เงียบสงบ ความคิดก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น “ ความคิดทั้งหมดเรื่องแฮร์รี่ ก็แล่นเข้ามาในใจของฉัน ฉันไม่สามารถบอกคุณได้ว่าอะไรหรือทำไมที่กระตุ้นมันออกมา แต่ว่าฉันได้เห็นความคิดเรื่องแฮร์รี่และโรงเรียนเวทมนตร์อย่างชัดเจน แล้วทันใดนั้นฉันก็มีความคิดเรื่องเด็กชายที่ไม่รู้ว่าเขาคือใคร ไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อมดจนกระทั่งเขาได้รับเชิญให้เข้าโรงเรียนเวทมนตร์ ฉันไม่เคยมีความคิดที่น่าตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน”

แล้ว Harry Potter ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตไป 6 เดือน Anne Rowling จากไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 1990 เมื่อมีอายุ 45 ปี Joanne ได้กลับบ้านไปก่อนหน้านั้น 6 วัน แต่เธอไม่เคยทราบถึงความร้ายแรงของอาการป่วย ก่อนที่แม่จะจากไป “เธอผอมมากๆ และดูอ่อนเพลีย ฉันไม่เคยทราบอาการป่วยของเธอเลย ยกเว้นว่าฉันได้เห็นอาการป่วยที่ค่อยเลวร้ายลงมาเป็นเวลานาน ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเลยทำให้ดูไม่เหมือนว่าเธออาการหนัก“ การตายของแม่ทำให้ เป็นจุดหักเหของ Rowling ในเวลาไม่กี่เดือนความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มของเธอก็จบลง เธอย้ายไปอยู่โรงแรม และออกจากประเทศอังกฤษ

โฆษณาในหนังสือ Guardian รับสมัครอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษที่ประเทศโปรตุเกส ที่ๆเธอคาดหวังถึงความอบอุ่นและการเริ่มต้นที่แจ่มใส Rowling อาศัยอยู่เมือง Porto สุดอึกทึกครึกโครม ในแฟลตที่ร่วมกันจ่ายค่าเช่ากับ Aine Kiely, จาก Cork และหญิงชาวอังกฤษ Jill Prewett ในช่วงเวลา 5 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม ทั้งสามสหายจะสอนอยู่ที่ Encounter English School ก่อนจะออกไปยังเมือง Swing เมืองที่มีไนต์คลับใหญ่ที่สุด Rowling ใช้เวลาในแต่ละวันในร้านกาแฟ จิบกาแฟและนั่งเขียนต้นฉบับ Harry Potter ภาคแรก Maria Ines Augiar เลขาผู้อำนวยการ และกลายเป็นเพื่อสนิทของเธอ ยังจำ Rowling ได้ว่าเธอเป็นอย่างไร “เป็นคนเคร่งเครียดและดูกังวลใจมาก” และเป็นคนที่ “ปรารถนาความรักอย่างยิ่ง” เธอใช้เวลาอยู่ที่นี่เพียง 18 เดือน Rowling ก็พบกับความรัก แม้ว่าใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ กับ Jorge Arantes นักเรียนหนุ่มรูปงาม เรียนด้านหนังสือพิมพ์ ผู้อ่อนวัยกว่าเธอ 3 ปี

Arantes นั่งดื่มกับเพื่อนใน Meia Cava ด้านล่างของบาร์ เมื่อเขารำลึกถึงหญิงสาว “หญิงสาวตาสีฟ้า น่าทึ่งที่สุดเดินเข้ามา” เขาเข้าใกล้เธอแล้วคุยกับเธอเป็นภาษาอังกฤษ และพบว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นแฟน Jane Austen ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการแลกจูบและเบอร์โทรศัพท์กัน แล้วเวลาเพียงไม่กี่วันพวกเขาก็นอนด้วยกัน แต่ Arantes ผู้มีลักษณะของชายละตินอย่างสมบูรณ์ คิดว่าเขาสามารถปฏิบัติกับเธอด้วยการกระทำแบบเดิมๆได้ เขาคิดผิดไปแล้ว ในฐานะแฟนใหม่ของเขา เมื่อหนุ่มละตินเจ้าชู้คุยกับสาวคนอื่นๆ ขณะที่กำลังออกเดทกันอยู่นั้น Rowling เข้าไปใกล้เขาแล้วกระซิบว่า เธอหรือพวกสาวๆ Rowling ชนะในการแข่งขันครั้งนี้

Credit : Mugglethai