จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรจังหวัดต่างๆเป็นประจำ ได้ทรงพบเห็นหลายๆท้องถิ่นประสบปัญหาความแห้งแล้ง หรือขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเกษตร สร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียทางการเกษตรเป็นอย่างสูง นอกจากนี้ความต้องการใช้น้ำในแต่ละวันมีมากขึ้น จึงเป็นปัญหาที่สำคัญยิ่ง
ด้วยพระเนตรที่ยาวไกลและทรงอัจฉริยภาพ ในปีพ.ศ. 2498 จึงได้มีการคิดค้นหาวิธีการนำเทคโนโลยีที่มีมาประยุกต์กับศักยภาพในการเกิดฝนของเขตร้อนจะทำให้ระบบน้ำตามธรรมชาติ เกิดความพร้อมและสมบูรณ์ตามวัฏจักร คือ
- การพัฒนาระบบ การจัดการแหล่งน้ำใต้ดิน
- การพัฒนาระบบ การจัดการแหล่งน้ำผิวดิน
- การพัฒนาการจัดการแหล่งน้ำในอากาศ
ในปี พุทธศักราช ๒๔๙๙ จึงได้ทรง พระมหากรุณาพระราชทาน โครงการพระราชดำริ ”ฝนหลวง” ให้หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล รับไปดำเนินการ ศึกษา วิจัย และการพัฒนากรรมวิธีการทำฝนให้บังเกิดผลโดยเร็ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกำหนดขั้นตอนของกรรมวิธีการทำฝนหลวงขึ้น เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ ตามลำดับ ดังนี้
ขั้นตอนที่หนึ่ง : “ก่อกวน”
ในขั้นตอนนี้ จะมุ่งใช้สารเคมีไปกระตุ้น ให้มวลอากาศเกิดการลอยตัวขึ้นสู่ เบื้องบน เพื่อให้เกิดกระบวนการชักนำไอน้ำ หรือความชื้นเข้าสู่ระบบการเกิดเมฆ
ขั้นตอนที่สอง : “เลี้ยงให้อ้วน”
เป็นขั้นตอนที่เมฆกำลัง ก่อตัวเจริญเติบโตซึ่งเป็นระยะสำคัญมาก เพราะจะต้องไปเพิ่มพลังงานให้แก่ Updraft โปรยสารเคมีฝนหลวงชนิดใด ณ ที่ใดของกลุ่ม ก้อนเมฆ และในอัตราเหมาะสม เพราะต้องให้กระบวนการเกิดละอองเมฆสมดุล กับความแรงของ Updraft มิฉะนั้นจะทำให้เมฆสลาย
ขั้นตอนที่สาม : “โจมตี”
เป็นขั้นตอนสุดท้าย เมฆหรือกลุ่มเมหฝนมีความหนาแน่นมากพอที่จะสามารถตกเป็นฝนได้ เป็นขั้นตอนที่สำคัญ และอาศัยประสบการณ์มาก เพราะจะต้องปฏิบัติการเพื่อ ลดความรุนแรงของ Updraft หรือทำให้อายุของ Updraft หมดไป สำหรับการปฏิบัติการในขั้นตอนนี้ จะต้องพิจารณาจุดมุ่งหมายของการทำฝนหลวง ซึ่งมีอยู่ 2 ประเด็นคือเพื่อเพิ่มปริมาณฝนตก และเพื่อให้เกิดการกระจากการตกของฝน
เครื่องมือและอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ประกอบในการทำฝนหลวง
- เครื่องมืออุตุนิยมวิทยา ใช้ในการตรวจวัด และศึกษาสภาพอากาศ
- เครื่องวัดลมชั้นบน ใช้ตรวจวัดทิศทางและความเร็วลม
- เครื่องวิทยุหยั่งอากาศ จะบอกให้ทราบถึงข้อมูลอุณหภูมิความชื้น ของบรรยากาศในระดับต่างๆ
- เครื่องเรดาร์ ตรวจอากาศ สามารถบอกบริเวณ ที่มีฝนตกและความแรง หรือปริมาณน้ำฝนและการเคลื่อนที่ของกลุ่มฝนได้ในรัศมี 200-400 กม.
- เครื่องมือตรวจอากาศผิวพื้นต่างๆ
- เครื่องมือเตรียมสารเคมี ได้แก่เครื่อง บดสารเคมีเครื่องผสมสารเคมี ทั้งแบบน้ำและแบบผง ถัง และกรวยโปรยสารเคมี
- เครื่องมือ สื่อสาร ใช้ในการติดต่อ สื่อสารและสั่งการระหว่างนักวิชาการบนเครื่องบิน กับฐานปฏิบัติการ
- เครื่องมือทางวิชาการอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ ทางการวางแผนปฏิบัติการ เข็มทิศ แผนที่ กล้องส่องทางไกล เครื่องมือตรวจสอบสารเคมี กล้องถ่ายภาพ และอื่นๆ
- สถานีเรดาร์ฝนหลวง Doppler radar จัดเป็นเครื่องมืออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ที่มีมูลค่าสูง ใช้เพื่อวางแผนการทดลองและติดตามประเมินผลปฏิบัติการฝนหลวง สาธิตเครื่องมือชนิดนั้น ทำงานโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์
ด้วยความสำคัญและปริมาณความต้องการ ปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรได้กว้างขวาง และได้ผลดียิ่งขึ้น รัฐบาลจึงได้ตราพระราชกฤษฎีกาก่อตั้ง สำนักงานปฏิบัติการฝนหลวง ขึ้นในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นหน่วยงานรองรับโครงการพระราชดำริฝนหลวงต่อไป |